วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

Safe  Sex
13 วิธี  คุมกำเนิดให้ปลอดภัย


 




                   ดิฉันนางสาวอาภาพร  สมคำเอ้ย  นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาภาคพายัพ เชียงใหม่  ระดับชั้น บธ.บ.กต. 1  ซึ่งช่วงอายุของคนวัยนี้ก็หนีไม่พ้นกับการที่มีแฟน   เพราะทุกวันนี้เด็กไทยก้าวไกลในเรื่องเพศ  ซึ่งจากผลสำรวจนั้นนับวันอายุการมีเพศสัมพันธ์ก็ยิ่งต่ำลงๆ ทุกวัน  ซึ่งพอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอนเรื่องการตั้งท้องระหว่างเรียน  เรื่องการทำแท้ง  เรื่องการติดโรค  ก็ตามมาเป็นพรวนและเพื่อเป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้  เราจึงนำเรื่องราวการคุมกำเนิดมาบอกเล่าให้ความรู้แก่เพื่อนๆ วัยรุ่น  ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันปัญหาอีกมากมายที่จะตามมาค่ะ


1. ถุงยางอนามัย
                 ถุงยางยังสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์  ถุงยางมีจำหน่ายทั่วไปทั้งในร้านขายยา  ร้านสะดวกซื้อ  ปั๊มน้ำมัน  ฯลฯ ถุงยางมีความน่าเชื่อถือสูง  หากใช้ได้ถูกต้อง



2. ถุงยางอนามัยสตรี
                 ถุงยางอนามัยสตรีคือปลอกยางที่มีความยืดหยุ่นสำหรับสอดเข้าในช่องคลอดของผู้หญิงเพื่อปกปิดปากมดลูก  ถุงยางอนามัยสตรีมีจำหน่ายในขนาดต่างๆ โดยแพทย์จะต้องเป็นผู้สวมใส่ให้  ควรใช้ถุงยางอนามัยสตรีร่วมกับครีมฆ่าเชื้ออสุจิ  ถุงยางอนามัยสตรีสามารถสวมใส่ในตอนใดก็ได้ก่อนการร่วมเพศ  และควรสวมทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหกชั่วโมงหลังการใส่  ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถใส่ถุงยางอนามัยสตรีได้  ถุงยางอนามัยสตรีและครีมฆ่าเชื้ออสุจิเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ หากสวมใส่ลงในช่องคลอดอย่างถูกต้อง

3. ยาฆ่าอสุจิ
                 ยาฆ่าอสุจิใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี   ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับการคุมกำเนิด  หากใช้เพียงอย่างเดียว  ผลิตภัณฑ์นี้ทำขึ้นเป็นครีม โฟม เยลลี่ หรือยาสอด  ยาฆ่าเชื้ออสุจิสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์  นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

4. ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน
                ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจนมีอยู่เพียงประเภทเดียวในตลาดนอร์เวย์  ยาเม็ดนี้ป้องกันการตกไข่ของผู้หญิง (เมื่อมีการผลิตไข่) เพื่อให้ยาเกิดประสิทธิภาพจะต้องใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน  ยานี้ยังสามารถใช้กับหญิงให้นมบุตรได้  ยาตัวนี้มีความเชื่อถือได้ 100%   หากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อหาซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจน

5. ยาเม็ดคุมกำเนิด
                 ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติมีจำหน่ายในท้องตลาดมากกว่า 30 ปี โดยประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์สองประเภท ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ฮอร์โมนทั้งสองชนิดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ผลิตเลียนแบบฮอร์โมนจากรังไข่ ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่ต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้ยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับคุณและเขียนใบสั่งยาให้ ยาเม็ดคุมกำเนิดจะขัดขวางการตกไข่และทำให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวลงในผนังมดลูกได้ ยาเม็ดคุมกำเนิดมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อซื้อยาเม็ดคุมกำเนิด  หญิงอายุเกิน 30 ปีและสูบบุหรี่ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด  รวมทั้งผู้หญิงที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม โรคหัวใจ หรือโรคร้ายแรงทางตับ


6. แหวนใส่ช่องคลอด
                 แหวนใส่ช่องคลอดเป็นวงแหวนอ่อนนุ่มที่มีความยืดหยุ่น  สามารถสวมลงในช่องคลอดได้ด้วยตัวเอง  แหวนใส่ช่องคลอดประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณที่มีน้อยกว่ายาเม็ดคุมกำเนิด แหวนใส่ช่องคลอดจะค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมา  ควรใส่แหวนใส่ช่องคลอดทิ้งไว้ในช่องคลอดเป็นเวลาสามสัปดาห์  จากนั้นจึงค่อยถอดและสวมใส่แหวนใหม่หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์  แหวนนี้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยสามารถหาซื้อแหวนใส่ช่องคลอดได้จากร้านขายยาโดยต้องมีใบสั่งแพทย์  นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง  ซึ่งผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดก็จะไม่สามารถใช้แหวนคุมกำเนิดได้เช่นกัน

7. แผ่นคุมกำเนิด
                แผ่นคุมกำเนิดจะมีปริมาณเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในระดับเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิดแต่โดยการใช้ยาต่ำที่สุด  ฮอร์โมนจะถูกปล่อยออกมาผ่านทางผิวหนัง แผ่นคุมกำเนิดควรจะเปลี่ยนในวันเดียวกันของแต่ละสัปดาห์รวมเป็นเวลาสามสัปดาห์  หลังจากใช้แผ่นคุมกำเนิดไปแล้วสามสัปดาห์  คุณต้องหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ก่อนใช้แผ่นคุมกำเนิดใหม่่ในวันเดียวกันของสัปดาห์  แผ่นคุมกำเนิดใช้เพื่อป้องกันการตกไข่  สามารถหาซื้อแผ่นคุมกำเนิดได้จากร้านขายยาโดยต้องมีใบรับรองแพทย์  ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือได้พอกับยาเม็ดคุมกำเนิด


8. ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
                 ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว (Mini pill) ประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ชนิดเดียวคือ โปรเจสโตเจน  ควรใช้ยาตัวนี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน  หากลืมใช้ยาจนเลยเวลาไปแล้วเกิน 27 ชั่วโมง จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดเพิ่มเติมสำหรับช่วง 14 วัน ถัดไป ให้ใช้ยาตามปกติจำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อรับตัวยานี้


9. ห่วงคุมกำเนิดประเภท Hormone  coils
                 ห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ (Intrauterine  System (IUS) หรือ Intrauterine  Device (IUD)) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้สอดเข้าในมดลูกของผู้หญิงโดยแพทย์  การใส่ห่วงคุมกำเนิดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย  แต่อาการดังกล่าวจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว  หากยังรู้สึกไม่สบาย  ให้สอบถามแพทย์  ห่วงคุมกำเนิดจะไปขัดขวางการเติบโตของเยื่อบุผนังมดลูก  นอกจากนี้ยังไปขัดขวางไม่ให้เชื้ออสุจิเคลื่อนผ่านปากมดลูก  ห่วงคุมกำเนิดสามารถใช้ได้เป็นเวลาหลายปี  และเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความน่าเชื่อถือสูง


10. ยาฝังคุมกำเนิด
                 ยาฝังคุมกำเนิดมีจำหน่ายในนอร์เวย์อยู่สองประเภทด้วยกัน  โดยมีขนาดเท่ากับไม้ขีดไฟและประกอบด้อยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนสังเคราะห์  ใช้โดยการสอดเข้าใต้ท้องแขนของผู้หญิงเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี  ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้  โดยแพทย์จะเป็นผู้ฝังตัวยา  ยาฝังคุมกำเนิดทำงานโดยป้องกันการตกไข่และส่งผลต่อการสร้างเมือกบริเวณปากมดลูกทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเข้าถึงมดลูกและท่อรังไข่ได้  ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุกำเนิดที่เชื่อถือได้


11. ห่วงคุมกำเนิดประเภท Copper  coils
               ห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ใช้งานโดยการสวมเข้าในมดลูกเหมือนกับห่วงคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน  ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้จะขัดขวางไม่ให้ไข่ฝังตัวลงในมกลูกได้  และสามารถขัดขวางเชื่ออสุจิไม่ให้เคลื่อนเข้าไปในมดลูก  ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้ใช้ได้ผลดีเป็นเวลาห้าถึงสิบปี  และถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีพอสมควร Copper  coils สามารถทำให้ประจำเดือนมีมากกว่าปกติและอาจมีอาการปวดประจำเดือนตามมา


12. การทำหมัน
               การทำหมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคุมกำเนิด  ผู้ชายหรือผู้หญิงที่ทำหมันจะไม่สามารถมีบุตรได้ หากทำหมันแล้วการแก้ไขในภายหลังจะทำได้ยาก  ดังนั้นจึงควรคิดให้รอบครอบก่อนตัดสินใจทำหมัน
13. การคุมกำเนิดฉุกเฉิน
               หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงตกไข่โอกาสในการตั้งครรภ์จะอยู่ที่ 20% หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้วิธีการคุมกำเนิดในช่วงนี้ คุณสามารถซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ที่ร้านขายยา ยาเม็ดเหล่านี้ประกอบด้วยฮอร์โมนในปริมาณสูงซึ่งจะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังจากผ่านไปสามถึงสี่สัปดาห์ เพื่อตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ยาชนิดนี้อาจส่งผลต่อตัวอ่อนหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรืออาจสวมห่วงคุมกำเนิดภายในห้าวันหลังการร่วมเพศที่เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์

             
            ในเมื่อเราไม่สามารถห้ามปรามไม่ให้เด็กวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์กันได้  การช่วยแนะนำแนวทางการคุมกำเนิดให้กับเค้า  ก็ดูท่าจะเป็นแนวทางที่ดีและสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่งค่ะ







ที่มาภาพประกอบ  :  ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลบางส่วนจาก :  หนังสือนิตยสาร SPICY

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น